วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

Amazing Egypt : เที่ยวอียิปต์ 4 วัน 3 คืน ตอนที่ 4 (ตอนสุดท้าย)

มาถึงวันสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ เป็นวันเบาๆ เพราะ 3 วันที่ผ่านมาเหนื่อยมาก (จริงๆคนอื่นเค้าก็ไม่ได้เหนื่อยมากหรอก แต่เราซนเอง)

วันนี้เราก็ไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ค่ะ เป็นสถานที่ที่รวมศิลปะวัตถุโบราณมากที่สุด เมื่อตอนเกิดสงครามกลางเมืองก็มีหลายๆชิ้นที่ถูกขโมยไปนะคะ และสิ่งที่ถูกขุดพบบางอย่างก็อยู่นู่นค่ะ British Museum

ตอนเราไปถึงข้างหน้าพิพิธภัณฑ์...เอาอีกแล้วค่าาาาาา มันมีประท้วงหรอเนี่ย ทหาร รถถังทุกอย่างพร้อมมาก

 
คือเราไม่กล้าถ่ายชัดกว่านี้ค่ะ กลัว 55555 ไม่รู้เค้ามาทำอะไรกัน รถถังทุกคันคือมีทหารประจำการอยู่ สุดท้ายเราก็ค้นพบความจริงว่าทางรัฐบาลจัดทหารมาดูแลนักท่องเที่ยวค่ะ (อันนี้ไม่รู้จริงหรือเค้าปลอบใจเราก็ไม่รู้ 555) เพราะรัฐบาลเค้าตอนนี้ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวมากๆ เพราะหลังจากที่มีสงครามกลางเมืองนักท่องเที่ยวก็ไม่กล้ามาเที่ยวประเทศเค้าค่ะ เค้าเลยไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับนักท่องเที่ยวซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศเค้าที่กำลังพยายามฟื้นฟูค่ะ ได้ยินแบบนี้เราก็โอเคร้ เชื่อก็ได้ แล้วเราก็ต่อแถวเตรียมตัวเข้าพิพิธภัณฑ์
 
 
อ่าาาาา ฝรั่งในรูปไม่เกี่ยวกับเราแต่อย่างใด คือเค้ายืนกดมือถืออยู่ไม่ออกไปซักที แล้วเราก็เล็งเห็นแล้วว่าถ้ารูปนี้ติดเมิง ไม่ต้องจ่ายตังค์อย่างแน่นอน ก็เลยถ่ายมาเลย แหะๆ ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะมากกกก ในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปและไม่ควรส่งเสียงดังค่ะ คนที่ส่งเสียงเบาๆได้คือไกด์ที่พาเข้าไปซึ่งต้องเป็นไกด์อียิปต์ แล้วเค้าจะมี Headphone ให้ฟังเรื่องราวต่างๆของสิ่งต่างๆข้างใน เนื่องจากเค้าห้ามถ่ายรูปเราเลยไม่มีรูปมาฝากค่ะ แต่จะเล่าคร่าวๆว่า มันอลังการเวอร์ เราไม่เคยเห็นวัตถุโบราณเยอะขนาดนี้มาก่อน ดูจากข้างนอกเหมือนเล็ก แต่ข้างในใหญ่มาก คือไม่สามารถดูได้หมดอะ เราก็ดูแต่ไอที่สำคัญๆ เช่น ราชินีมีเครา รูปปั้นต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือสมบัติของตุตันคาเมน ตามที่เราได้บอกไว้ว่าจะเฉลยว่าทำไมท่านถึงโด่งดังที่สุดในบรรดาฟาโรห์ทั้งหมดทั้งๆที่ท่านครองราชย์แค่เพียง 9 ปี และขึ้นครองราชย์ตอนอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น
 
ที่ท่านโด่งดังมากเพราะสุสานของท่านเป็นสุสานเดียวที่ขุดพบสมบัติของท่าน ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากฟาโรห์ทอง ซึ่งสวยมากๆๆๆๆๆๆ โลงทองที่บรรจุุท่าน รวมถึงเครื่องประดับต่างๆ มันสวยมากๆๆๆๆจริงๆค่ะ เราเห็นนี่ช็อคไปเลย มันช่างอลังการงานสร้างมากๆ นอกจากนี้เค้าก็จะมีห้องเก็บมัมมี่ หรือห้องที่มีโชว์ศพของมัมมี่ต่างๆซึ่งต้องเสียเงินเพิ่มค่ะ เราก็เสียเงินเข้าไปดู มันเจ๋งมาก ใครจะไปและไม่กลัวอะไรพวกนี้เราว่าเข้าไปดูก็ดีค่ะ มันน่าอัศจรรย์มากๆ เราใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์ทั้งหมด 3 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งก็ยังไม่หมดนะคะ แต่เวลาเราได้แค่นี้จริงๆ
 
เสร็จแล้วตอนบ่ายเราก็เดินทางไปตลาดข่านเอลคาลีลี จริงๆแล้วคำว่าข่าน แปลว่า ตลาดอยู่แล้วค่ะ ตลาดแห่งนี้จะคล้ายๆจตุจักรบ้านเรา ตลาดใหญ่มากๆๆๆๆๆ แต่เราก็ไปลงในส่วนของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ
 
 
ที่ตลาดนี้เราสามารถหาซื้อของฝากได้มากมายหลายแบบ เราขอแนะนำผู้หญิงทุกคนที่ยังสาวหรือมั่นใจว่าตัวเองยังสวยให้ใช้เสน่ห์ให้เป็นประโยชน์ โดยการต่อราคาไม่ยั้ง 55555 เราต่อแหลกเลยค่ะ สนุกมาก คนที่นี่พูดอังกฤษคล่อง บางคนพูดภาษาไทยได้ด้วย ที่อียิปต์คนทำงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ฉะนั้นพวกหนุ่มๆจะต้องพึ่งพวกสาวๆที่มาด้วยในการช่วยต่อราคานะ
 
 
 
ที่นี่ต้องระวังพวกยิปซีนะคะ พวกนี้จะมาล้วงกระเป๋าเรา ฉะนั้นต้องดูแลกระเป๋าให้ดี จริงๆบ้านเค้าก็ไม่ต่างกับเมืองไทยมากอะ ฉะนั้นก็ใช้ความระมัดระวังในการจับจ่ายซื้อของนะคะ
 
พอหลังจากช้อปปิ้งเราก็กลับมาจุดนัดพบ ปรากฎว่ามีชาวมุสลิมกลุ่มใหญ่ๆ ส่งเสียงร้องดังมากเลย เหมือนในเรื่อง World War Z อะ ถ้าใครจำได้ ตอนที่พระเอกไปในเมืองที่สร้างกำแพงกั้นซอมบี้แล้วก็มีคนร้องเพลงเสียงดังจนซอมบี้บุกเข้ามาได้ ฉากนั้นเลยค่ะ ภาพแบบนั้นเลย เราตกใจมาก แบบเห้ยยยย เกิดอะไรขึ้นวะ รีบวิ่งไปหาไกด์เลยค่ะ 5555 (ขี้กลัวมาก) ไกด์บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของนบีมูฮัมหมัด ศาสดาของมุสลิม ฉะนั้นประเทศที่มีชาวมุสลิมอยู่เค้าก็จะฉลองกันทั่วโลกค่ะ เราเลยถึงบางอ้อเลย
 


จบแล้วค่ะ Egypt Trip 4 Days 3 Nights ถ้าใครสงสัยอยากถามอะไรเพิ่มเติมก็ถามเราได้นะ แต่เราไม่รู้จะตอบได้รึเปล่า แต่จะพยายามจะตอบเท่าที่รู้ละกันนะ (อย่างที่แสดงให้เห็นในทุกๆตอนแล้วว่าเราเป็นคนไม่ค่อยรู้อะไรเลย 555555) ถ้ากำลังตัดสินใจยังไม่ได้ว่าจะไปเที่ยวไหน เราว่าอียิปต์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เรายังคิดอยู่เลยว่าอยากไปอียิปต์ตอนล่างบ้าง ไว้โอกาสหน้าจะไปอีกแน่ๆค่ะ
 
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนจบทั้ง 4 ตอนนะคะ ^^

Amazing Egypt : เที่ยวอียิปต์ 4 วัน 3 คืน ตอนที่ 3

ในวันที่ 3 เราก็เดินทางไป Memphis ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของอียิปต์โบราณ ที่นี่ก็จะมีพิพิธภัณฑ์ของท่านรมเซสที่สองค่ะ ในพิพิธภัณฑ์จะมีรูปปั้นของท่านรามเซสอยู่ ว่ากันว่าท่านเป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ของอียิปต์ ยิ่งใหญ่กว่าตุตันคาเมนอีก แต่เดี๋ยวจะบอกในตอนหลังว่าทำไมตุตันคาเมนถึงดังกว่าท่านรามเซสนะ รูปปั้นท่านรามเซสใหญ่มาก ดังรูปนี้เลย


ขอออกนอกเรื่องนิดนึง คือหน้าพิพิธภัณฑ์นี้จะมีคนเฝ้าประตูอยู่ ท้วมๆแก้มแดงๆ แต่แก่แล้วนะ น่ารักดี เราเลยอยากถ่ายรูปด้วยเพราะเค้าตลกดี พอกดแชะเท่านั้นแหละค่ะ จ่ายเงินทันที -.-! ไอเราก็นึกว่าคนเฝ้าพิพิธภัณฑ์เค้าใจดีให้เราถ่ายรูปด้วย เสียเงินอีกละ 1 L.E. คือมาทริปนี้โดนหลอกตลอด ขนาดโดนเตือนและระวังตัวเป็นอย่างดีแล้วนะ ยังจะโดนหลอกอีก แต่ก็ถือว่าทำบุญให้เค้าไป อย่างที่บอกว่าคนประเทศเค้าน่าสงสารมาก บางคนจนมากจริงๆและหาอะไรกินลำบากด้วย (แต่ตอนจะกลับนี่รู้สึกว่าตูจะเริ่มจนกว่าพวกเค้าละ เฮ้อ!)

เสร็จจากพิพิธภัณฑ์นี้ก็ไปชมไฮไลท์ของวัน Step Pyramid ซึ่งเป็นปีรามิดแห่งแรกของอียิปต์ก่อนที่จะวิวัฒนการมาเป็น Pyramid แบบที่เห็นกันทั่วไปในปัจจุบัน อยากจะบอกว่าเราประทับในปิรามิดอันนี้มาก วิวรอบๆสวยมากค่ะ


ที่นี่ก็จะมีคนอียิปต์ขายของเหมือนกัน ตอนเราถ่ายรูปนี่ลำบากมากเลยค่ะ คือมีคนนึงจะเดินเข้ามาในรูปเราให้ได้ให้ตายเหอะ เราถึงขั้นบอกเค้าว่า I don't want you in my pic. เค้าก็ยังเดินเข้ามา เรานี่เพลีย สุดท้ายเราต้องรอให้กรุ๊ปทัวร์เราขึ้นไปชมวิวก่อน เค้าก็เดินตามกรุ๊ปทัวร์เราไป เราเลยต้องรีบมาถ่ายรูปด่วน 5555 กว่าจะได้รูปที่ไม่มีอียิปต์ในรูป เห้อ

พอถ่ายรูปจุดนี้เสร็จก็จะมีจุดชมวิว Panorama ซึ่งมองไปไกลๆจะเห็นปิรามิดสามลูกในวันแรกค่ะ แต่จะเห็นแบบเล็กมากๆ ตอนแรกเรานึกว่าเราฟังผิด ขึ้นไปงงมาก ไหนวะปิรามิด น้องก็เลยชี้ให้ดู โหววววววว ไกลมากจริงๆ ละกล้องตูจะถ่ายติดมั้ยเนี่ย


ถ้ามองไปที่ขอบฟ้าจะเห็นโนนปูดๆอยู่สองสามอัน นั่นแหละค่ะปิรามิด แต่ยังไงเราก็รู้สึกว่าวิวทะเลทรายสวยอยู่ดี เราเลยชอบที่นี่มากเลย มันกว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ

เสร็จจากที่นี่เราก็ไปชมป้อมปราการที่ใช้ในการต่อสู้กับพวกทำสงครามครูเสด และไปดูสุเหร่าของโมฮัมหมัดอาลี


ด้วยความรู้อันน้อยนิดของเรา เข้าใจมาตลอดการเดินทางว่ามันคงเป็นของโมฮัมหมัดอาลีที่เป็นนักมวย ยังนึกในใจอยู่เลยว่า โหวววเป็นนักมวยนี่มันโคตรรวยเลยว่ะสร้างสุเหร่าเป็นของตัวเอง แล้วก็นึกกับตัวเองว่า นี่ตูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าโมฮัมหมัดอาลีเป็นคนอียิปต์ พอไปถึงหน้าสุเหร่าไกด์ถึงอธิบายว่าโมฮัมหมัดอาลีเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งของอียิปต์ (ข้อมูลนี้น่าจะถูกละนะ)


 
 
เพื่อยืนยันความฮอตของเรา (หลงตัวเองสุดๆ) ใครหมั่นไส้ข้ามอันนี้ไปเลยนะ 5555
ตอนไปเที่ยวที่ป้อมนี้ค่ะ ระหว่างเดินทางกลับ มีคนอียิปต์ขอถ่ายรูปอีกแล้วค่า คราวนี้ต่อหน้าพ่อกับแม่เราเลย เค้าบอกว่า Thai woman is beautiful. คริคริ นึกในใจ...ถ้าตูถอดแว่นเมิงจะเปลี่ยนความคิดมั้ยนะ ตาตูก็เล็กนิดเดียว ก็เลยยอมให้ถ่ายแบบไม่ถอดแว่น เค้าจะได้คิดว่า Thai woman is really beautiful. 5555 เราไปถามไกด์ละ ไกด์์บอกว่าคนที่นี่เค้าคิดว่าผู้หญิงไทยสวย เลยชอบมาถ่ายรูปด้วย ประมาณว่าเอาไปอวดเพื่อนๆนั่นแหละค่ะ ส่วนใครที่อวบๆหน่อยไม่ต้องกังวลนะ คนที่นั่นส่วนใหญ่เค้าก็อวบๆกันทั้งนั้นเลย สงสัยเป็นที่นิยม เรานี่อินเทรนด์สุดๆ ระบำหน้าท้องนี่ได้เลย 5555


จบแล้วค่าสำหรับทริปวันที่ 3 ตอนต่อไปจะเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี่แล้วค่า

Amazing Egypt : เที่ยวอียิปต์ 4 วัน 3 คืน ตอนที่ 2

ทริปวันที่สอง เราก็ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อนั่งรถไปยัง Alexandria ชื่อคล้ายๆ Alexander ใช่มั้ย ตามนั้นเลย ตามที่ไกด์บอกคือพระเจ้า Alexander มหาราชมาเจอเมืองนี้ ก็ได้ปรับปรุงและขยายเมืองนี้เป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับพระองค์ จริงๆรายละเอียดมีมากกว่านี้อีก เรื่องราวสนุกมากเลยต้องลองไปค้นหาดูนะคะ มีข่าวลือว่าท่าน Alexander ทรงเป็นพระเกย์ด้วยค่ะ ถ้าใครสนใจเดี๋ยวเราจะหามาให้อ่าน ตอนอยู่บนรถเราโคตรง่วงเลย แต่เราก็หลับไม่ลงค่ะ คืออยากฟังว่าเรื่องมันเป็นยังไง (นั่งสลึมสลือจนถึง Alexandria เลยค่ะ ) เลยจำรายละเอียดได้บ้างไม่ได้บ้าง

เมือง Alexandria เป็นเมืองพักตากอากาศของอียิปต์และของโลก ถ้าใครไปตอนฤดูท่องเที่ยวของเค้า คนก็จะเยอะมาก รถก็จะติดมากๆๆๆๆๆ เราไม่ได้เห็นกับตาตัวเองหรอก ไกด์บอกทั้งนั้น แต่ขนาดเราไปในช่วงที่ไม่ใช่หน้าเทศกาล รถยังค่อนข้างติดเลยค่ะ เมืองนี้จะเจริญผิดหูผิดตากับ Cairo มาก มีโรงแรมดังๆมากมายริมแม่น้ำ แต่ความสะอาดนี่เราก็ไม่แน่ใจ คือเราอยากตั้งชื่อประเทศนี้ว่าเมืองแห่งฝุ่นจริงๆ คือไม่ว่าจะซอกมุมไหนก็มีฝุ่น เพราะมันห้ามไม่ได้จริงๆ ยังคุยกับพ่อเลยว่าคนประเทศนี้เค้าน่าสงสารเนอะ มีเครื่องกรองฝุ่นก็คงไม่ช่วยเท่าไหร่ วิวที่นี่สวยมากๆเลย รู้สึกเหมือนตัวเองมาเที่ยวยุโรป เราก็ได้แต่นึกในใจ ทำไมทัวร์ไม่พาตรูมาพักที่นี่วะ แต่ก็เข้าใจว่า Alexandria มันอยู่ไกลจากเมืองอื่นๆที่เราจะต้องไปในวันถัดๆไปมั้งเค้าเลยไม่ให้พักที่นี่


คือในรูปนี้ถ่ายจากร้านอาหารค่ะ มันเลยติดกระจก ภาพอาจจะไม่สวย ต้องไปดูกับตา สวยมากจริงๆ
 

พอไปถึงเมือง Alexandria ที่แรกที่เราไปคือ Catacomb เป็นหลุมฝังศพใต้ดิน เป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง เราตื่นเต้นมากเลย ข้างในเค้าไม่ให้ถ่ายรูปเลยไม่มีรูปมาโชว์ เอาเป็นว่าข้างในจะเป็นหลุมฝังศพเป็นพันๆหลุมเลยค่ะ (ไม่รู้เวอร์ไปป่าวแต่มันเยอะมากเลยค่ะ) แล้วก็จะมีที่ไว้ศพสำหรับเจ้าของ catacomb ซึ่งจะตกแต่งสวยมาก ส่วนหลุมอื่นๆก็จะเป็นช่องๆ เหมือนห้องดับจิตอะ ตอนแรกเราก็ไม่คิดอะไร สักพักเราเดินๆเข้าไปตรงที่เป็นที่วางศพคนธรรมดา แล้วเราเดินเข้าไปแค่ 4 คนค่ะ เพราะคนอื่นเค้าไม่เข้ามาดู ระหว่างเดินเรารู้สึกเหมือนมากับมาทัวร์กับอาจารย์ป๋องเลยค่ะ คือมันน่ากลัวมาก ข้างในมันมืด (เค้าก็ไม่ได้บังคับให้เข้ามา เจือกเข้ามาเอง -.-!) อากาศข้างนอกคือหนาวมากแต่พอเข้าไปข้างในเรากลับร้อนค่ะ (ใครเจอผีแล้วร้อนฟระ มโนเองทั้งนั้น) เราเลยได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรนะ เรามีพระ พอมาคิดอีกที เอ๊ะผีมุสลิมจะกลัวพระป่าววะ เริ่มเครียดทันที! เลยรีบๆเดิน พอออกมาจากจุดๆนั้นได้เรารู้เลยว่าทำไมเค้าไม่ให้เอากล้องเข้ามา เกิดนักท่องเที่ยวถ่ายรูปติดวิญญานขึ้นมาคงไม่กล้ามากันอีก เหลือแต่พวกท้าพิสูจน์วิญญานอะไรพวกนี้ แต่สนุกดีค่ะ

ขอออกนอกเรื่องเผาตัวเองนิดนึง คือในสุสานเนี่ยมันมีเพดานเป็นรูปเปลือกหอย เราก็สงสัยว่าอียิปต์มันเป็นทะเลทราย คนมันจะรู้ได้ไงว่าเปลือกหอยเป็นยังไง เราเลยพูดขึ้นมากับพ่อว่า สมัยก่อนแถวนี้ต้องเป็นทะเลมาก่อนแน่ๆแล้วเกิดการแห้งแล้งจนเป็นทะเลทราย คนเลยรู้จักเปลือกหอยไง พูดในสุสาน ซึ่งทุกคนจะไม่ค่อยคุยกันเนื่องจากบรรยากาศค่อนข้างอึมครึม ดังนั้นเราคิดว่าประมาณ 50% ของคนในนั้นได้ยินที่เราคุยกับพ่อแน่ๆ พอเราไปทานมื้อเที่ยงนี่คือเราหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆเลยค่ะ ไปทานมื้อเที่ยงริมทะเลเมดิเตอเรเนียน (ไอง่อวววว ให้ตายเถอะ) เรานี่พยายามลืมว่าเราเคยพูดอะไรไว้ แต่เหมือนพยายามลืมเท่าไหร่มันก็ยิ่งตอกย้ำตัวเองเข้าไปอีก ("ไอง่อววววว" ก้องอยู่ในใจ)

หลังจากที่เรากินข้าวเที่ยงเสร็จ เราก็ไปชมเสา Pompeii ตอนแรกคือเราไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร ตอนไกด์อธิบายความสำคัญของเสาเราแบบทำหน้าเข้าใจมาก ไอเสา Pompeii ที่มันโดนภูเขาไฟระเบิดนี่เอง สักพักพอไปถึง เหมือนมีอะไรบางอย่างมันบอกเราว่าภูเขาไฟระเบิดมันน่าจะทำลายเป็นบริเวณกว้างมันไม่น่าจะทำลายแค่นี้ พอถามไกด์เท่านั้นแหละ หน้าแตกมากเลย เราหน้าแตกคนเดียวไม่พอ อธิบายให้พ่อฟังไปแล้วด้วยว่าไอเสาที่โดนภูเขาไฟระเบิดไง -.-! ทำไมตูคิดไม่ได้วะว่าอียิปต์มันไม่มีภูเขาไฟฟระ


เสาปอมเปย์ หรือ Pempeii's Pillar มันไม่ได้สำคัญเพราะเจอภูเขาไฟค่ะ แต่มันสำคัญเพราะมันเป็นเสาโบราณสมัยโรมันปกครองอียิปต์ ซึ่งปอมเปย์เป็นชื่อเพื่อนสนิทของซีซ่า ซึ่งตอนหลังกลายเป็นศัตรูกันแล้วปอมเปย์หนีมาอยู่อียิปต์ค่ะ ว่ากันว่าสุดท้ายซีซ่าได้เผาศีรษะของปอมเปย์ที่เสานี้ ข้างหน้าเสาร์จะมีสฟิงซ์ชิ้งชิ้งอีกสองตัว เราก็ได้แต่ไปยืนถ่ายรูปสวยๆ จะสังเกตได้ว่าตึกทางขวามือมันเหมือนตึกยังสร้างไม่เสร็จ อยากจะบอกว่าตึกราบ้านช่องเค้าเป็นแบบนี้ทั้งประเทศค่ะ คือเค้าจะสร้างตึกแบบยังไม่เสร็จเพื่อที่จะไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน สีก็ไม่ทา เพราะทายังไงก็มีฝุ่นอยู่ดี เป็นประเทศแห่ง Earth tone ค่ะ ไม่ต้องใช้ app เลย (ตอนหลังๆตัวเราก็เริ่มเป็นสี Earth tone เหมือนกัน ปรับสภาพตามสีพื้นหลัง)

เสร็จจากดูเสาละเราก็ไปแวะห้องสมุดค่ะ (อยู่เมืองไทยไม่ค่อยได้ไปเล้ย) ห้องสมุดที่นี่อลังการงานสร้างมาก เข้าไปนี่เราลืมตัวร้องออกมาว่า โหววววววว ใหญ่มากกกกก คือแบบมันอลังการงานสร้างมากจริงๆ ข้างหน้าห้องสมุดก็สวยมาก มีตัวอักษรของทุกภาษาเลยค่ะ ถ้าเค้าหลอกเราก็เชื่ออะนะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าทั้งโลกมันกี่ภาษาแล้วแต่ละภาษามันเขียนยังไง แต่ที่แน่ๆมีภาษาไทยด้วยค่ะ เราคิดว่าเป็นตัว "บ." แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นภาษาไทยหรือภาษาอื่นเหมือนกัน -.-! เอาเป็นว่าเราเชื่อก็ได้ ที่นี่มีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราค้นพบ...คือ....ที่นี่เป็นที่แรกตั้งแต่ที่เรามาอียิปต์ที่เราเจอ free wifi ค่ะ ตรึ้งๆเล่นไลน์ อัพเฟซด่วนก่อนจะไปที่อื่นต่อ ทุกคนนี่ไม่ต้องมองหน้ากันเลย สังคมก้มหน้าจึงเกิดขึ้น ณ จุดๆนี้โดยฉับพลัน



หลังจากหมดเวลาการติดต่อโลกภายนอกแล้วเราก็ไปดูป้อมปราการ Citadel ค่ะ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของประภาคารฟาโรส ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัสจรรย์ของโลกโบราณ แต่เรามาช้าไป มันไม่เหลือแล้ว 555 เหลือแต่วิวสวยๆแค่นั้น แต่ประภาคารสวยมากค่ะ เรานึกว่าเป็น Chateaux ในฝรั่งเศสซะอีก ถ้าไม่นับรวมร้านข้างทางอะนะ



ตอนนี้คือเหนื่อยมากละ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่ เสร็จจากจุดนี้ก็ไปสวน Montaza ค่ะสร้างโดยกษัตริย์ฟารุค ท่านน่ารักมากเลยค่ะ สร้างให้ภรรยาของท่าน สวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆนานาเป็นพันชนิดเลยค่ะรวบรวมมาจากหลายๆประเทศ มีพระราชวังของท่านอยู่ในนี้เหมือนเป็นอาคารสมัยก่อนในละครช่อง 3 อะ ระเบียงอาคารทำให้เรานึกถึงฉากในเรื่องอลาดินมากๆตอนที่เจ้าหญิงจัสมินมาคุยกับอลาดินที่ระเบียง ภรรยาท่านคงรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง Disney จริงๆ (แต่เค้าก็เป็นเจ้าหญิงจริงๆนี่นะ) แล้วเราก็คิดไปอีกว่า โหวอาคารขนาดนี้มาตั้งอยู่ในอียิปต์ต้องมีคนใช้กี่คนวะเนี่ย เพราะต้องทำความสะอาดทั้งวันแน่ๆ ฝุ่นมันเยอะขนาดนี้ แต่สุดท้ายพระองค์ก็ถูกเนรเทศไปอยู่ต่างประเทศและไม่ได้กลับมาอีกเลยค่ะ น่าเสียดายมากๆ สวนสาธารณะนี้เลยกลายเป็นของสาธารณะชนโดยปริยาย ซึ่งก็ต้องเสียค่าเข้าชมตามธรรมเนียม มาอียิปต์ อย่าหวังของฟรีค่ะ ของฟรีหายากยิ่งกว่างมเข็มในอวกาศอีกค่ะ (อาจมีแต่ตูซวย เจอแต่เสียเงิน)

หลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อยเราก็ขออนุญาตให้ไกด์พาไปแวะฟาร์มระหว่างทางกลับจาก Alexandria ไป Cairo ค่ะ อยากบอกว่าสตรอเบอร์รี่ถูกมากกกกกก ถูกกว่าส้มบ้านเราอีกค่ะ เรานี่รีบซื้อเลย อร่อยด้วย ไม่เปรี้ยวมาก ลูกก็โตมากด้วย อีกอย่างที่อร่อยคือมันจะมีส้มผลเล็กๆเท่านิ้วโป้งอะค่ะ สามารถกินได้ทั้งเปลือก อร่อยมากกกกกกก ต้องกินจากตูดส้มไปปากส้มนะคะ (ปากส้มคือตรงที่ต่อกับก้าน) คือตอนกัดตูดส้มมันจะเปรี้ยวมากกกก แต่พอกินจนถึงปากส้มมันจะหวานมากค่ะ นี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน (สรุปเอง) อีกอย่างที่ถูกคือ อินทผาลัม ซื้อไปเลยค่า ถูกและอร่อย จัดไปเต็มๆ

อยากจะโม้อีกเรื่องนึง คืออยู่ที่นี่คือเราเซเลบมากอ่ะ ตอนไปแวะฟาร์ม เราก็เดินถ่ายรูปผลไม้แปลกๆไปเรื่อยๆ สักพักมีพนักงานประมาณ 5 คนเดินมาหาเรา แล้วก็พูดภาษาอียิปต์ซึ่งเราฟังไม่รู้เรื่องก็ทำหน้างง ปรากฏว่าเค้าหยิบมือถือขึ้นมาแล้วทำท่าขอถ่ายรูปค่า ตอนแรกเรานึกว่าเค้าจะให้เราถ่ายรูปเค้าแล้วเก็บเงินเรา เราเลยบอกไม่เป็นไร 5555 คือตูโดนมาเยอะแล้วเมิงอย่ามาหลอก แต่จริงๆคือเค้าขอถ่ายรูปกับเราค่ะ แล้วขอถ่ายทั้ง 5 คนเลยนะ มีคนนึงขอเชคแฮนด์เราด้วย เราก็เชคแฮนด์แล้วเค้าก็พูดอะไรไม่รู้ เราก็งง จนเพื่อนเค้าบอกเค้าว่าพอแล้วๆ แล้วปัดมือเค้าออกจากมือเรา 55555 เซเลบเค้ารู้สึกอย่างงี้นี่เอง วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ฟินสุดๆ รู้สึกสวยทันที (อยู่เมืองไทยนี่ อย่าได้หวังอะไรแบบนี้)

หลังจากช้อปปิ้งเสร็จเราก็กลับโรงแรม เปิดทีวีจะดูซะหน่อย รู้ตัวอีกทีก็เช้าวันที่ 3 แล้วจ้า หลับไม่รู้ตัว 5555

ไว้มาเล่าทริปวันที่ 3 ต่อนะคะ

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

Amazing Egypt : เที่ยวอียิปต์ 4 วัน 3 คืน ตอนที่ 1

ซาลามอาเลกุม

สวัสดีค่ะทุกท่านที่เข้ามาแวะชมทริปอียิปต์ของเรา ตอนแรกเราคิดว่าจะเขียนใส่ Diary ส่วนตัวของเราเอง แต่ว่ามีหลายๆคนสนใจอยากไปเที่ยวอียิปต์ และเราก็สนับสนุนให้ทุกคนไปมากๆ ไม่ใช่ว่ามันเท่ห์หรือไฮโซนะคะ แต่เพราะหลังจากที่ได้ไปมาแล้วรู้สึกสงสารคนประเทศเค้ามากเลยค่ะ เพราะหลังจากที่เค้ามีสงครามกลางเมืองเมื่อ 4-5 ปีก่อน ก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวคนไหนกล้าไปเที่ยวประเทศเค้าอีกเลยค่ะ ทำให้คนในประเทศเค้าค่อนข้างจะลำบากมาก แต่จากที่เราได้ไปสัมผัสมา คนประเทศเค้าน่ารักมากๆและปลอดภัยด้วย รัฐบาลเค้าจัดกองกำลังทหารดูและสถานที่ท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดค่ะ เพราะเค้าให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวมากๆเลยตอนนี้ เลยอยากเชิญชวนให้ทุกคนถ้ากำลังคิดว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศ ลองเปลี่ยนจากไปเกาหลี ญี่ปุ่น เป็นประเทศแถบแอฟริกาดูมั้ยคะ แล้วท่านจะทึ่งในวัฒนธรรมของเค้า เหมือนที่เราทึ่งมาแล้วค่ะ

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าเราไปเที่ยวกับทัวร์นะคะ ไม่ได้ไปเอง สาเหตุที่ไปกับทัวร์เพราะว่า
1. การคมนาคมของที่อียิปต์ยังไม่สะดวกค่ะ ซึ่งจากที่ไปเห็นมาแล้วรู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วค่ะที่ไปกับทัวร์ 5555 เพราะการเดินทางที่นั่นคือรถเมล์ รถตู้ และแท็กซี่ รถเมล์และรถตู้เค้าจะไม่ได้มีเป็นป้ายแบบบ้านเรานะ เค้าจะยืนโบกกันข้างถนนเลย ส่วนคนให้บริการนั้นบางคนพูดภาษาอังกฤษได้และบางคนพูดไม่ได้ แต่ถ้าใครต้องการจะเดินทางไปเองจริงๆ ที่โรงแรมเค้าก็จะมีรถบริการให้นะคะเหมาเป็นวัน วันนึงไม่เกินกี่ชั่วโมงก็ว่ากันไป ราคาตกวันละประมาณ 1,000 - 3,000 กว่าบาทค่ะ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในอียิปต์นั้นจำเป็นต้องมีรถมากๆ
2. เราไปกับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งสุขภาพท่านไม่ค่อยดี ถ้าไปเองเกรงว่าท่านจะลำบาก และถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะไม่มีใครช่วยค่ะ
3. ค่าทัวร์ที่ไปไม่ได้แพงมาก ถูกว่าไปญี่ปุ่นอีก (อาจเป็นเพราะว่าเราไปช่วงปีใหม่มั้ง)
4. เราไม่มีเวลาวางแผนการเที่ยวด้วยค่ะ เลยไปกับทัวร์เลยทีเดียว

ประเทศอียิปต์อยู่ทวีปแอฟริกาตอนบน (คือตอนแรกเราคิดว่าอยู่ตะวันออกกลางไม่ก็เอเชีย -.-! โชว์โง่เลย 555) เมืองหลวงของเค้าก็คือเมืองไคโรนั่นเอง คนอียิปต์เค้าพูดภาษาอารบิก แต่ภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศสก็ฟังรู้เรื่องค่ะ

ใครจะไปเที่ยวอียิปต์เราแนะนำให้ดูหนังไปเยอะๆนะ พวก Mummy อะไรแบบนี้้ แล้วจะสนุกมากเลยค่ะ (เราไม่เคยดู the Mummy สิ่งที่เกี่ยวกับอียิปต์ที่เราเคยดูมีอยู่เรื่องเดียว Yu-Gi-Oh ค่ะ) แต่ที่อียิปต์เค้าไม่ให้ฉายมัมมี่นะเพราะเค้าถือว่านำสิ่งที่เค้านับถือไปสร้างภาพที่น่ากลัวค่ะ แล้วใครมีความรู้เรื่องยิว มุสลิม ก็จะดีมาก ซึ่งอันนี้ก่อนไปเราก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกตามตรงว่าเราไม่รู้อะไรเลยจริงๆค่ะ (ก่อนไปไม่มีเวลาจริงๆ)

 การเตรียมตัวไปอียิปต์

1.เสื้อผ้า
เนื่องจากเราไปช่วงปีใหม่อากาศก็จะค่อนข้างเย็น ประมาณ 16-22 องศาตอนกลางวันแต่แดดแรงมาก ส่วนตอนกลางคืนก็ประมาณ 10-15 องศา ก็ควรเตรียมเสื้อกันหนาวไปใครที่เป็นคนกลัวหนาวก็เอาไปหนาหน่อยค่ะแต่ไม่ต้องใส่ถุงมือก็ได้ แบบกันฝุ่นได้ยิ่งดีเนื่องจากอียิปต์เป็นประเทศแห่งทะเลทราย ลมพัดทีนึงนี่คือฝุ่นเกาะตั้งแต่หัวจรดเท้า ใครที่แพ้ฝุ่นก็ควรนำผ้าปิดปากไปด้วยค่ะ แต่แม่เราเป็นภูมิแพ้แต่ไปอียิปต์ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่าลืมหมวกและแว่นกันแดดนะคะ จะได้เที่ยวแบบสนุกๆ (เราเป็นคนตาเล็กเวลาแดดจ้านี่คือเราไม่เห็นอะไรเลย แว่นกันแดดเลยจำเป็นมากกกกกก)

2.อาหาร
อาหารที่อียิปต์ก็จะเน้นพวกเครื่องเทศที่ค่อนข้างจืด กลิ่นแรง และเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมฉะนั้นคนประเทศเค้าไม่กินหมูค่ะ อาหารหลักๆก็จะเป็นเนื้อวัว, เนื้อแพะ, เนื้อไก่ เรากินไก่ย่างเยอะมากจนจะเป็นเก๊าอยู่ละ (เก๊าอ้วน) บางคนทานอาหารพื้นเมืองเค้าไม่ได้ก็พยายามพกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปนะ แต่เราชอบทานอาหารบ้านเค้าหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่างซึ่งหนังไก่กรอบมากเลยค่ะและมีเกลือเค็มๆนิดหน่อยอร่อยสุดๆ เค้าให้เรามาครึ่งตัวเรากินเกลี้ยงเลย

 
 
อาหารอีกอย่างที่เราชอบมากคือโรตีบ้านเค้าค่ะ ตอนร้อนๆนี่มันนุ่มอร่อยมากเลย แล้วบนผิวขนมปังก็มีผงๆอะไรด้วยก็ไม่ทราบ เรากินเยอะมากจนคุณพ่อทักว่าเจริญอาหารไปมั้ย 55555 โรตีที่นี่เค้าก็จะทานกับเครื่องเคียงเค้าในรูปข้างล่างค่ะ
 

3. ปัจจัยสำคัญ "เงิน"
ที่อียิปต์ใช้เงิน Egyptian Pound ค่ะ ซึ่งประเทศไทยไม่มีให้แลก ดังนั้นเราจึงต้องแลกเงิน USD จากไทยไปก่อนแล้วค่อยไปแลกเป็นเงินอียิปต์ที่สนามบิน ตอนเราไป 4 วัน 3 คืนเราแลกเงินไปประมาณ 3,000 USD ค่ะซึ่งเหลือเฟือมาก พยายามแลกเป็นแบงค์ย่อยซัก 100 USD ค่ะเผื่อไว้ซื้อของหรือทิปคนที่นู่น เพราะที่นู่นเวลาเราซื้อของถ้าเราจ่ายแบงค์ใหญ่ไปแล้วเค้าไม่ทอน บอกว่าไม่มีเงินทอน แล้วก็เอาเงินไปเลย ฉะนั้นแลกเป็นแบงค์ย่อยดีกว่าค่ะ

พอไปถึงสนามบินให้แลกเป็นเงินอียิปต์ประมาณ 100 USD เผื่อช้อปปิ้งด้วย อย่าลืมขอแบงค์ย่อยมานะคะ เพราะการเข้าห้องน้ำที่นั่นต้องเสียเงินทุกที่ถึงแม้ห้องน้ำจะสกปรกแค่ไหนก็ตามก็จะมีคนเก็บเงินในห้องน้ำค่ะ ครั้งละ 1 L.E. ถ้าเกิดไม่ให้เค้าก็จะกลั่นแกล้งเราตอนเข้าห้องน้ำค่ะ ก็ให้ๆเค้าไปถือว่าทำบุญ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองด้วย 5555 ตอนเราไป 1 USD = 7.15 L.E. ฉะนั้น 1 L.E. ประมาณ 5 บาทค่ะ

ขอเล่าประสบการณ์นิดนึง คือตอนเราไปเราจะไปขอแลกเงินที่ Bank of Caire ที่สนามบิน ปรากฏมันปิดเคาท์เตอร์ไม่ให้แลก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คือคนประเทศเค้าไปแลกเค้าให้แลกนะคะ แต่พอเราไปแลกมันไม่รับค่ะบอกระบบล่ม ไอเราก็งงมันจะล่มได้ไง ยังให้คนอื่นแลกอยู่เลย สุดท้ายก็เลยต้องไปแลกที่โรงแรมค่ะโรงแรมมีให้แลก

เวลาแลกคืนกลับมาเป็นเงิน USD หรือเงินสกุลอื่นแลกได้ที่สนามบิน เงินอียิปต์ต้องใช้ให้หมดนะคะ มิฉะนั้นเราจะต้องบินกลับไปใช้ที่อียิปต์เพราะประเทศเราไม่มีให้แลกคืนค่ะ ออกนอกประเทศปุ๊บไร้ค่าทันที

4. Internet
เป็นปัจจัยอีกปัจจัยที่เราพลาดกับการไปเที่ยวครั้งนี้ค่ะ เพราะที่ Egypt internet ช้ามากและไอที่มันบอกว่ามี Free Wifi เนี่ย มีจริงค่ะ แต่เค้าไม่บอก Password อ้างว่าระบบล่มบ้างอะไรบ้าง ฉะนั้นถ้าใครติด internet เราขอแนะนำให้เปิด Roaming จากในไทยไปเลยค่ะ ไปซื้อ Wifi ที่นู่นของโรงแรมครึ่งชั่วโมงสองร้อยกว่าบาทค่ะ

5. การเตรียมตัวอื่นๆ
พวกยา หรือเครื่องอำนวยความสะดวกก็เอาไปให้พร้อมนะคะ น้ำในโรงแรมเสียเงินหมดฉะนั้นเวลาไปทานอาหารหรือผ่าน Supermarket ก็ควรจะซื้อน้ำตุนไว้ค่ะ ของเราทัวร์เค้ามีแจกน้ำให้เยอะมาก จนจะเป็นอูฐละ 555 เราโชคดีมากค่ะ คือได้ไกด์ที่ดีมาก เราซึ้งในน้ำใจของไกด์มากเลย เค้าช่วยเหลือเราทุกอย่าง ถ้าหากท่านไปอียิปต์ก็ขอให้เจอไกด์แบบที่เราเจอนะคะ

ของฝากจากอียิปต์ ของที่อียิปต์ขึ้นชื่อมีดังนี้ค่ะ
1. กระดาษ Papyrus เป็นกระดาษเริ่มแรกของโลกค่ะ
2. อินทผาลัม (ไม่แน่ใจว่าเขียนอย่างงี้รึเปล่า) เป็นผลไม้ประเทศที่มีทะเลทรายค่ะ วิตามินสูงมาก และถูกมาด้วยในอียิปต์
3. สตรอเบอร์รี่ อันนี้คิดเอง เพราะมันถูกมาก เราซื้อในห้าง โลละ 60 โอ้แม่เจ้า ไม่เหมาไม่ได้แล้ว (สุดท้ายกินไม่ทัน ขึ้นราค่ะ -.-! เซ็งเลย)
4. อูฐ แน่นอนค่ะทะเลทรายย่อมมีอูฐขึ้นชื่อแน่นอน แต่ไม่แนะนำให้ซื้อตัวเป็นๆนะคะ ควรซื้อเป็นพวกกุญแจ แม็กเน็ตอะไรก็ว่าไป
5. ผ้าไนล่อน แต่เราไม่อยากได้เสื้อผ้า เราเลยข้ามๆไป
6. น้ำหอมค่ะ ถ้าซื้อที่ร้านที่ทัวร์พาไปก็จะเป็นหัวน้ำหอมแท้แต่ถ้าไปซื้อในตลาดก็เสี่ยงๆเอาค่ะ

ตอนนี้เรานึกออกแค่นี้อ่ะ เอาไว้ถ้าเรานึกออกอีกจะมาใส่เพิ่มให้นะคะ

เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราก็ไปตะลุยอียิปต์กัน

หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จ เราก็พุ่งตรงไป Giza Pyramid เลยค่ะ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยค่ะ มันอลังการงานสร้างมากค่ะ จริงๆปิรามิดนี้ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของอียิปต์ก็มองเห็นค่ะ มันใหญ่มากกกก

 
 
(ฝีมือการถ่ายรูปของเราค่อนข้างห่วยต้องขออภัยด้วยนะคะ)
 
 
ปิรามิดนี้เค้าจะมีให้เข้าไปดูข้างในด้วย ข้างในเป็นอะไรนั้นเราขอไม่สปอยนะคะ ต้องเข้าไปดูเอง แล้วจะอึ้งเหมือนเรา 5555 ทางข้างในมันจะเป็นทางลาดขึ้นไป แรกๆอาจจะแคบๆหน่อยแต่พอเดินไปซักพักทางก็จะโล่ง ไหนๆไปถึงอียิปต์แล้วเราก็แนะนำให้เข้าไปดูค่ะ

รอบๆปิรามิดจะมีคนอียิปต์เร่ขายของ ชิ้นละ 1 ดอลลาร์ เค้าจะบอกว่าทุกชิ้น 1 ดอลลาร์แต่พอเราสนใจแค่นั้นแหละ ราคาเพิ่มเป็น 10 ดอลลาร์ทันที ต้องระวังให้ดีนะคะ บางทีโดนโกงบ้างอะไรบ้าง แต่เราคิดว่าที่เค้าต้องทำแบบนี้เพราะเค้าไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลย เลยไม่มีรายได้ค่ะ แล้วมีอีกประเภทนึงคือใส่ชุดแบบคนอียิปต์ค่ะเดินไปเดินมา พอเราจะถ่ายรูป ชอบเดินเข้ามาในกล้องเราถ่ายด้วยพอเราถ่ายเท่านั้นล่ะ เก็บตังค์ทันที (คือตูก็ไม่ได้อยากถ่ายด้วยอะนะ แต่เมริงเข้ามาทุกรูปเลย) เรานี่วิ่งหนีตลอดคือไม่ได้อยากถ่ายด้วยอะ และมีอีกประเภทนึงคือเข้ามาช่วยถ่ายรูปให้ อันนี้หนักกว่าอีก คือเดินเข้ามาบอกเราจะถ่ายรูปให้ ไอเราก็นึกว่ามีน้ำใจ พอถ่ายเสร็จปุ๊บ ขอเงินทันที -.-! แต่เราคิดว่าก็ยังดีกว่านั่งขอเฉยๆไม่ทำมาหากินอะไรเลยนะ (คิดบวกไว้)

พูดถึงทะเลทรายก็ต้องนึกถึงอูฐ ที่นี่เค้ามีอูฐให้ขี่ค่ะ


แต่การจะขี่อูฐนี่ต้องระวังนะคะ ระวังตอนขึ้นตกลงราคาเป็นราคานึง ตอนลงเป็นอีกราคานึง บางท่านที่ไม่ยอมจ่ายในราคาที่เค้าบอกตอนขาลงนี่มีโดนแกล้ง บางคนเค้าแกล้งให้อูฐวิ่งค่ะ เราจะได้กลัวและยอมจ่ายเงินในที่สุด ซึ่งการขี่อูฐนั้นก็คือเราขึ้นไปขี่และมีไม้ที่จับข้างหน้า ไม่มีเข็มขัดนิรภัยใดๆทั้งสิ้น ทรงตัวล้วนๆ แต่ของเราคือเค้าพาไปขี่อูฐที่รัฐบาลจัดไว้ให้ คนพวกนี้เค้าจะคิดราคาตายตัวค่ะ และต้องดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีค่ะเพราะเค้ามีรัฐบาลคุมอยู่ (อันนี้ไกด์บอกมา จริงมั้ยเราก็ไม่รู้เอาเป็นว่าเชื่อละกัน) ซึ่งตอนเราขี่เค้าถ่ายรูปให้และไม่เก็บเงินด้วย ดีใจสุดๆตอนแรกนึกว่าจะโดนเก็บเพิ่มละ คนที่จูงอูฐเราเป็นเด็กประมาณ 7-10 ขวบเอง เก่งมาก ดูแลอูฐสองตัวเลยทีเดียว พอเราลงจากอูฐเราก็ให้ทิปน้องเค้าไปค่ะ สงสาร

แล้วก็แวะอีกจุดนึงเพื่อชม Sphynx ค่ะ สวยมากจริงๆ


จุดนี้ตอนกลางคืนมีการแสดงแสงสีนิดหน่อยด้วยค่ะ แต่ไม่อลังการเท่าไหร่เพราะด้วยทรัพยากรที่ไม่เพียงพอของเค้าค่ะ

อยากจะโม้นิดนึงอะ คือตอนไปดูสฟิงส์ มีคนขายของคนนึงหล่อมากกกก เดินมาขายของให้เรา 5 USD เรานี่แบบอ๊ากกกก หล่ออ่ะ แต่แบบตูงกอ่ะ ก็เลยเดินๆหนีๆ สักพักเค้าเดินตามมาแล้วก็พูดว่า Give me 5 USD or just give me a kiss. เรานี่แบบ.......ชั่งใจ 3 วิ 5555 แล้วก็คิดได้ว่ากุลสตรีไทยไม่ควรทำแบบนี้นะ เลยบอกมันไปว่า I don't want all of these so I give you nothing, okay? มันก็หัวเราะละบอกว่ามันล้อเล่น.....แหม่....ถ้าได้ก็เอา...ตูรู้หรอก

เสร็จจากชมสฟิ้งซ์ชิ้งชิ้งก็ไปทานข้าวแล้วไปต่อที่โรงงานน้ำหอม ซึ่งเราบอกตามตรงว่าเราไม่อิน เพราะว่าเราไม่อยากซื้อน้ำหอมอยู่แล้ว แต่เค้าก็ต้องแวะตามธรรมเนียมอะค่ะ สุดท้ายก็เลยได้น้ำหอมมา 2 ขวด 5555 ที่อียิปต์เค้าเป็นคนส่งหัวน้ำหอมไปยุโรป เป็นหัวน้ำหอม 100% พอยุโรปเอาไปก็ไปผสมแอลกอฮอล์ 80% น้ำหอมที่นี่มีประมาณ 47 กลิ่นได้ค่ะ บางกลิ่นก็เหมือน Dior, Chanel เลย ตอนกลับออกมาหน้าร้านเราเจอตำรวจถือปืนอันใหญ่ยืนอยู่หน้าร้าน เราตกใจมากนึกว่ามีปฏิวัติอีก แต่จริงๆไม่มีอะไรค่ะนี่คือเครื่องแบบบ้านเค้า


เสร็จจากร้านน้ำหอมก็ไปร่องเรือในแม่น้ำไนล์กัน บอกตามตรง อาหารบนเรือเรากินไม่ได้เลย 5555 อาจจะรสชาติไม่ถูกปาก บนเรือก็จะมีการแสดงท้องถิ่นค่ะไม่ว่าจะเป็น Belly Dance และอื่นๆอีกมากมาย วิวแม่น้ำสวยดีค่ะ เต็มไปด้วยโรงแรมใหม่ๆมากมายค่ะ

จบจากล่องเรือเราก็กลับโรงแรมหลับเลย ไม่ได้ Happy New Year กับเค้าเลย คนอียิปต์เค้าไม่ฉลองวันปีใหม่กัน ถ้าเราจำไม่ผิดเป็นเพราะเค้านับถือมุสลิมค่ะ แต่มุสลิมสมัยใหม่เค้าก็มีฉลองบ้างแต่ไม่อลังการมาก แล้วเค้าก็ไม่ดื่มแอลกอฮอล์กันค่ะ พิมพ์มาถึงตรงนี้เพิ่งนึกออก ทำไมตอนล่องเรือตูมีเบียร์กินวะ?

จบทริปสำหรับวันแรกค่ะ เอาไว้จะมาต่อทริปวันที่ 2 และวันที่ 3 ให้นะคะ